The Unforgettable Journey: Royal project & Another Hound Cafe (Part 1)
เมื่อพูดถึง “โครงการหลวง” เราเชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน รุ่นปู่ ย่า ตา ยาย รุ่นพ่อแม่ หรือแม้แต่วัยรุ่นที่มีสิ่งล่อตาล่อใจ มีเรื่องให้ติดตามนับไม่ถ้วนในปัจจุบัน อย่างน้อยๆ ที่สุดก็น่าจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง และในยุคที่การหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าอยากรู้ว่าโครงการหลวงคืออะไร ลองเสิร์ชดูก็จะพบข้อมูลจากหลากหลายแหล่งที่มา เช่น ในวิกิพีเดียที่บอกไว้ว่า
“ โครงการหลวง เป็นโครงการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวแก่ชาวเขา เพื่อเป็นการหารายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2512 โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะประธานมูลนิธิโครงการหลวง…”
แน่นอนว่ายังมีข้อมูลโดยละเอียดอีกมากมายในโลกโซเชียล แต่เมื่อ Another Hound Cafe ได้รับเกียรติอย่างสูงสุดที่จะได้ร่วมงานกับโครงการหลวงในครั้งนี้ เราอยากเข้าไปสัมผัสถึงต้นกำเนิดของวัตถุดิบทั้งหมดอย่างแท้จริง เพราะเราเชื่อว่ายังมีเรื่องราวน่าสนใจที่ต้องไปเห็นด้วยตา ไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญ ชาวบ้าน เกษตรกรถึงสถานที่จริง แล้วทีมงานจากโครงการหลวงก็ให้โอกาส พาทีมเราขึ้นไปเยี่ยมชมขั้นตอน รายละเอียด พร้อมบอกเล่าเรื่องราวแต่ละวัตถุดิบ เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้ง่ายๆ และเป็นความประทับใจที่เราอยากจะถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความใส่ใจ คุณภาพ เพื่อให้คุณได้มั่นใจและรู้สึกดีกับอาหารทุกจานที่เป็นมากกว่าแค่อาหาร เพราะสำหรับเราแล้วทุกจานเปรียบได้กับงานฝีมือ
ทีมของเราโชคดีมากที่ได้ขึ้นไปศึกษาวัตถุดิบหลักจากเมนูพิเศษ ‘Royal Project-Our food is our Craftsmanship’ ในช่วงที่สภาพอากาศเป็นใจ ท้องฟ้าสดใส มีแดดทุกวัน ทั้งๆ ที่ทีมงานจากโครงการหลวงแจ้งว่าก่อนหน้าที่เราจะขึ้นมาถึงมีฝนตกต่อเนื่องทุกวัน
วัตถุดิบแรกที่เราได้ชมคือผักอินทรีย์จากบ้านเมืองอาง ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง ในแปลงผักตอนนี้มีต้นเรดโอ้คและกรีนโอ้ค สีสันสวยงามน่ารับประทาน พร้อมให้เก็บผลผลิตได้แล้ว
ต้นกรีนโอ๊คสีสันสดใส
ต้นเรดโอ๊คก็น่ารับประทานไม่แพ้กัน
แต่ก่อนที่ชาวบ้านจะมาเก็บผลผลิต ทีมเราก็มีโอกาสได้คุยกับ อาจารย์ปอม-พิพัฒพงศ์ พิมพ์โคตร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ประจำสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ อาจารย์ปอมเล่าให้พวกเราฟังถึงรายละเอียดกว่าจะมาเป็นผักอินทรีย์ให้พวกเราได้รับประทานกันนั้น มีขั้นตอนไม่น้อยเลยทีเดียว
“ การปลูกผักของที่นี่ ปลูกแบบ Made to order มีการวางแผนก่อนตามคำสั่งซื้อของลูกค้า จำนวนผักที่ปลูกก็จะมีการวางแผนล่วงหน้า 4 เดือน โดยจะกระจายกำลัง แบ่งสัดส่วนไปแต่ละดอยว่ามีกำลังการผลิตมากน้อยเพียงใด โครงการหลวงจะแจกเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกร ขั้นตอนการปลูกเริ่มจากการเพาะกล้าในกระบะก่อน ใช้อายุกล้าประมาณ 14 วัน แล้วให้เกษตรกรมาย้ายปลูกลงในถาดหลุม 104 หลุม สำหรับต้นเรดโอ้คและกรีนโอ้ค ใช้เวลาประมาณ 25 วันจึงสามารถเก็บผลผลิตได้
ต้นกล้าในถาดหลุม 104 หลุม เตรียมไว้สำหรับลงแปลงผักต่อไป
การดูแลที่นี่เป็นระบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมีทุกชนิด โดยจะสามารถใช้ได้เพียงน้ำหมักที่ได้จากศูนย์อารักขาพืช ที่คอยควบคุมดูแลการผลิตชีวภัณฑ์ให้ตรงตามมาตรฐาน ถ้าใครละเมิดหรือทำผิดกฏจะมีบทลงโทษถึงขึ้นตัดออกจากโครงการ ไม่รับผลผลิตอีก ชาวบ้านที่นี่จะเลี้ยงวัวประจำตัวไว้สำหรับผลิตปุ๋ยหมักด้วย ไม่ต้องไปหาซื้อจากข้างนอกเป็นการลดต้นทุนไปในตัว
วัวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ นักผลิตปุ๋ยหมักมืออาชีพ
ผักที่นี่จะมีการสุ่มตรวจคุณภาพหลายขั้นตอน เพื่อหาสารเคมีตกค้างเพื่อให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยในผักทุกล็อตก่อนจะนำไปสู่ผู้บริโภค เริ่มจากชาวบ้านคัดคุณภาพเองก่อนหนึ่งรอบตั้งแต่อยู่ในแปลงผัก โดยจะคัดผักที่มีโรคหรือไม่ตรงสเปคออกก่อน
ชาวบ้านบรรจงคัดต้นกรีนโอ๊คจากแปลงทีละต้น
ในช่วงการล้างผัก ชาวบ้านจะค่อยๆคัดคุณภาพผักทีละใบอีกครั้ง แล้วจึงวางใส่ในลังที่มีสแลนปูรองอยู่อย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกขั้นตอนก่อนเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปคือการคัดบรรจุ จะมีการแยกเกรดผลผลิต ใส่ลังแยกกันตามสีของลัง สีของลังก็แตกต่างกันไป เช่น ลังสีดำมีไว้สำหรับใช้ในแปลงผักเท่านั้น ส่วนสีอื่นๆ ก็จะแยกไปตามลูกค้าแต่ละราย โดยจะมีการสุ่มตรวจจากเจ้าหน้าที่ที่เชียงใหม่อีกครั้ง และเมื่อไปถึงกรุงเทพก็มีการสุ่มตรวจคุณภาพอีก มั่นใจได้ว่าจะได้ผักสดส่งตรงจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพทุกวัน
ผลผลิตที่เก็บได้เต็มตะกร้า ใส่ในลังสีดำที่ใช้ในแปลงผักเท่านั้น
ผักสดๆ ทั้งหมด จะต้องเก็บ ล้าง พร้อมส่งเรียบร้อยภายในเวลา 4 โมงเย็นของทุกวัน ออกจากเชียงใหม่ประมาณ 5 โมงเย็น ไปถึงกรุงเทพประมาณ 6-7 โมงเช้า ก่อนจะมีรถมารับไปกระจายต่อตามคำสั่งซื้อ ในส่วนของน้ำที่ใช้ปลูกผัก เราใช้น้ำประปาภูเขาเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติ โดยทุกปีจะมีการเก็บน้ำจากต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ มาทดสอบหาธาตุโลหะหนักด้วย ดินก็เช่นกันจะมีการเก็บค่าธาตุอาหาร มาวิเคราะห์ด้วย เพื่อปรับสภาพให้เหมาะกับการเพาะปลูกที่สุด”
รถจากโครงการหลวง รอรับผลผลิตสดๆ ทุกวัน
แค่เริ่มต้นจากผักอินทรีย์ เราก็เห็นแล้วว่ามีมาตรฐานและความใส่ใจทุกขั้นตอนจริงๆ และได้เห็นถึงความร่วมมือกันระหว่างโครงการหลวงและชาวบ้าน ซึ่งกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีการลองผิด ลองถูกร่วมกันมาเป็นเวลาไม่น้อย ในช่วงแรก อ.ปอม เล่าให้ฟังว่ามีเกษตรกรร่วมด้วยเพียง 8 รายเท่านั้น แต่เมื่อทดลองแล้ว ขายได้เงินจริงๆ เลยเริ่มมีเกษตรกรสนใจมากขึ้น การทำเกษตรอินทรีย์ต้องใช้ความอดทน ใจร้อนไม่ได้ และต้องใช้ความรู้ความเข้าใจค่อนข้างมาก การได้มานั่งคุยกับ อ.ปอม ในวันนี้ ทำให้เรายิ่งมั่นใจว่าทุกเมนูผักของเรา ที่ได้รับผักสดๆ จากโครงการหลวงมาปรุงอย่างตั้งใจ จะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง เตรียมตัวรอชิมความอร่อยกันได้เลย
ต่อจากผักอินทรีย์สดๆ เราเดินทางต่อไปยัง หน่วยวิจัยย่อยขุนห้วยแห้งเพื่อชมแปลงอโวคาโด ที่ Another Hound Cafe จะนำมาสานต่อความอร่อยเป็นเมนูไอศครีมอโวคาโด โดยทีมงานจากโครงการหลวง ได้เตรียมอโวคาโดสายพันธุ์แฮสไว้รอต้อนรับ พร้อมให้เราได้ลองชิมกันสดๆ ด้วย
ผลอโวคาโดสดๆ รอเวลาให้ได้เก็บผลผลิต
อโวคาโดสายพันธุ์แฮส เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะรสชาติที่อร่อยโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยปกติแล้วมีราคาสูง เมื่อก่อนต้องนำเข้ามาจากประเทศนิวซีแลนด์ แต่ในปัจจุบันโครงการหลวงสามารถเพาะพันธุ์ได้แล้ว ลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้ โดยเกษตรกรเริ่มมีการปลูกอโวคาโดเสริมจากการปลูกข้าว ทำให้มีรายได้เสริมอีกทาง อโวคาโดจากโครงการหลวงต้องมีการคัดเลือก สำหรับเกรดหนึ่งผิวต้องไม่มีตำหนิ ขั้วไม่เบี้ยว น้ำหนักก็ต้องมีมาตรฐาน 150-250 กรัม โดยปกติแล้วจะให้เกษตรกรปลูกหลายๆ พันธุ์ไว้ เพราะช่วงเก็บเกี่ยวจะมีการเหลื่อมล้ำกันอยู่ ทำให้สามารถจำหน่าย มีรายได้อย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันอโวคาโดเป็นที่นิยมส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ มีไขมันไม่อิ่มตัว เป็นไขมันดี และรสชาติเฉพาะตัวที่หวาน มัน อร่อย เมื่อได้วัตถุดิบคุณภาพอย่างอโวคาโดจากโครงการหลวง ผสมกับความคิดสร้างสรรค์ของเชฟมากประสบการณ์จาก Another Hound Cafe ผลลัพธ์คือเมนูของหวานที่ประณีตเหมือนงานฝีมือชิ้น Masterpiece ที่เราภูมิใจเสนอ และอยากให้ทุกคนได้ลอง อดใจรออีกสักนิด รับประกันได้ว่าคุ้มค่าการรอคอยแน่นอน
อโวคาโดพันธุ์แฮส ที่ทีมงานจากโครงการหลวง เตรียมไว้ให้พวกเราได้ลองกัน
นี่เป็นเพียงเรื่องราวส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเรื่องราวจากวัตถุดิบสุดพิเศษจากโครงการหลวงให้ติดตามกันต่อ คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่ออ่านเรื่องราวใน Part 2 และ Part 3 ได้เลย
The Unforgettable Journey: Royal project & Another Hound Cafe : Part 2 คลิกที่นี่
The Unforgettable Journey: Royal project & Another Hound Cafe : Part 3 คลิกที่นี่
แล้วมาอร่อยไปด้วยกันกับเมนู ‘Royal Project-Our food is our Craftsmanship’ 1 ธันวาคม 2561 – 31 มกราคม 2562 ที่ Another Hound Cafe ทุกสาขา